วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

ประวัติ

สุนัขทุกสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาพันธุ์ขึ้นมีบรรพบุรุษเดียวกันนั่นคือสุนัขป่าโบราณ (วงศ์ Canidae) ไซบีเรียนฮัสกี, ซามอย, และอลาสกันมาลามิวนั้นสืบสายพันธุ์โดยตรงจากสุนัขลากเลื่อน จากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้ช่วยยืนยันว่ามันเป็นหนึ่งในสุนัขที่มีการเพาะเลี้ยงมาแต่โบราณ คำว่า "ฮัสกี (husky)" ได้มาจากชื่อที่ใช้เรียกชาวอินนูอิต (Inuit) ว่า "ฮัสกีส์ (huskies)" โดยคณะสำรวจคนขาว (Caucasian) คณะแรกๆที่มาถึงแผ่นดินของพวกเขา ส่วนคำว่า "ไซบีเรียน (Siberian)" ได้มาจากไซบีเรียนั่นเองเนื่องจากความคิดที่ว่าสุนัขลากเลื่อนนี้ถูกใช้ในการข้ามสะพานแผ่นดินของช่องแคบเบอร์ริ่งที่เป็นทางเข้าสู่หรือออกจากรัฐอะแลสกา, ซึ่งทฤษฎีนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในหมู่ผู้ที่ทำการศึกษาค้นคว้า สุนัขที่สืบเชื้อสายมาจากสุนัขเอซคิโมสามารถพบได้ตลอดซีกโลกด้านเหนือจากไซบีเรียถึงประเทศแคนาดารัฐอะแลสกากรีนแลนด์, ลาบราดอร์ (Labrador), และเกาะบัฟฟินค์ (Baffin Island)
ด้วยความช่วยเหลือของไซบีเรียนฮัสกี ประชาชนของชนเผ่าต่างๆไม่เพียงแค่รอดตายเท่านั้นในการออกสำรวจดินแดนที่ไม่มีรู้จัก พลเรือเองโรเบิร์ต เพียร์รี่ (Robert Peary) แห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาก็ได้รับความช่วยเหลือจากสุนัขสายพันธุ์นี้ระหว่างคณะสำรวจของเขาออกสำรวจขั้วโลกเหนือ บทบาทของไซบีเรียนฮัสกีในกระทำหน้าที่นี้ไม่สามารถเป็นที่หยั่งรู้ได้
สุนัขจากแม่น้ำอานาเดียร์ (Anadyr River) และพื้นที่รอบๆถูกนำเข้ามาในรัฐอะแลสกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908 (และเป็นเวลา 2 ทศวรรษ)ในช่วงตื่นทองเพื่อใช้เป็นสุนัขลากเลื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน All-Alaska Sweepstakes (AAS) หรือการแข่งสุนัขลากเลื่อนทางไกลซึ่งเป็นระยะทาง 408 ไมล์ (657 กม.) จากเมืองนอมน์ (Nome) ถึงเมืองแคนเดิล (Candle) ไปและกลับ"เล็กกว่า, เร็วกว่า และอดทนมากกว่า ในการบรรทุกน้ำหนักราว 100 - 120 ปอนด์ (45 - 54 กิโลกรัม)" มันเป็นส่วนสำคัญใกล้ชิดของผู้เข้าแข่งขันยาวนอมน์ที่มีชื่อเสียง ลีออนฮาร์ด เซพพารา (Leonhard Seppala) ที่เคยเป็นผู้เพาะเลี้ยงไซบีเรียนฮัสกีมาก่อนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1909 ถึงช่วง ค.ศ. 1920
ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1925 กันเนอร์ คาเซ็น (Gunnar Kaasen) เป็นผู้นำเซรุ่มไปถึงเมืองนอมน์เป็นคนแรกในปี ค.ศ. 1925 เพื่อรักษาโรคคอตีบ กันเนอร์ได้ออกจากเมืองนีนนานา (Nenana) ไปสู่เมื่องนอมน์เป็นระยะทางมากกว่า 600 ไมล์ ด้วยความพยายามของผู้เดินทางและความช่วยเหลือของสุนัขลากเลื่อน การแข่งขัน Iditarod Trail Sled Dog Race (การแข่งสุนัขลากเลื่อนสู่เมื่องอิดิตทารอต) ที่จัดขึ้นก็เพื่อเป็นอนุสรณ์ของการขนส่งเซรุ่มนี้เอง และเหตุการณ์นี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันในปี ค.ศ. 1995 ที่ชื่อ"บอลโต (Balto)" ตามชื่อของสุนัขนำทีมของกันเนอร์ และเพื่อเป็นเกียรติแก่สุนัขนำทีมบอลโต มีการสร้างรูปหล่อเหมือนที่ทำจากทองแดง ตั้งอยู่ในเซ็นทรอล ปาร์คในรัฐนิวยอร์ก มีคำจารึกดังนี้
อุทิศแก่จิตวิญญาณที่ทรหดของสุนัขลากเลื่อนที่นำเชื้อต้านพิษบนทางยากลำบากเต็มไปด้วยน้ำแข็ง 600 ไมล์, ข้ามลำน้ำที่แข็งตัว, ฝ่าพายุหิมะของขั้วโลกเหนือจากเมื่องนีนนานาสู่เมืองนอมน์ที่รอความช่วยเหลือให้พ้นจากโรคร้ายในฤดูหนาวปี ค.ศ. 1925 อดทน--ซื่อสัตย์--มีไหวพริบ
ในปี ค.ศ. 1930 ไซบีเรียนฮัสกีตัวสุดท้ายถูกนำออกจากรัฐบาลโซเวียดใกล้กับพรมแดนของไซบีเรียเพื่อการแลกเปลี่ยนกับภายนอก ปีเดียวกันมีการจดทะเบียนรับรองสายพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีโดยสมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัขแห่งสหรัฐอเมริกาเป็น 9 ปีหลังจากสายพันธุ์นี้ถูกจดทะเบียนในประเทศแคนนาดา ณ.วันนี้ไซบีเรียนฮัสกีที่จดทะเบียนในอเมริกาเหนือเป็นลูกหลานส่วนใหญ่ของไซบีเรียนฮัสกีที่ถูกนำเข้ามาในปี ค.ศ. 1930 และสุนัขของลีออนฮาร์ด เซพพารา เซพพาราเจ้าของคอกสุนัขในนีนนานาก่อนที่จะย้ายไปอยู่นิวอิงแลนด์ อาเทอร์ วาวเด็น (Arthur Walden) เจ้าของคอกสุนัขชินุก (Chinook) แห่งวอนนาแวมเซิด (Wonalancet) รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ผู้มีไซบีเรียนฮัสกีในคอกที่โดดเด่น สุนัขตั้งแต่เริ่มก่อตั้งคอกของเขามาจากอะแลสกาโดยตรงและมาจากคอกของเซพพารา
ก่อนที่จะมีชื่อเสียง, ในปี ค.ศ. 1933 ว่าที่พลเรือเอกริชาร์ด อี. เบอร์ด (Richard E. Byrd)แห่งกองทัพเรือได้ซื้อสุนัขไซบีเรียนฮัสกีราวๆ 50 ตัวด้วยตัวเขาเอง หลายๆตัวถูกรวบรวมและฝึกจากคอกชินุกในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ เพื่อใช้ในคณะสำรวจของเบอร์ดที่เขาหวังจะเดินทางราวๆ 16,000 ไมล์ไปตามชายฝั่งของทวีปแอนตาร์กติกา ที่เรียกว่าปฏิบัติการกระโดดสูง (Operation Highjump) จากประวัติการเดินทางนี้เอง พิสูจน์ให้เห็นคุณค่าไซบีเรียนฮัสกีเพราะขนาดที่พอเหมาะ และความเร็วที่ดีเยี่ยม กองทัพสหรัฐอเมริกาได้ใช้ไซบีเรียนฮัสกีในการค้นหาและช่วยเหลือในขั้วโลกเหนือของคำสั่งขนส่งทางอากาศระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง 

อ้างอิง http://th.wikipedia.org/

ลักษณะนิสัยของสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้

อุปนิสัย: เป็นสุนัขที่มีความเฉีียวฉาด อารมณ์ดี ตื่นตัวตลอดเวลา กระโดดโลดเต้น ขี้เล่น สนใจสิ่งแปลกใหม่ โดยถ้าเปรียบเทียบแล้ว ไซบีเรียน ฮัสกี้ ก็ไม่ต่างกับเด็กเล็กๆ ที่อยากรู้อยากเห็นไปหมดทุกอย่าง นอกจากนี้ ไซบีเรียน ฮัสกี้ ยังเป็นสุนัขนักประชาสัมพันธ์ ชอบที่จะแจกมิตรไปทั่ว ดังนั้นหากมีคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน มันก็พร้อมที่จะทักทายประหนึ่งเหมือนเคยรู้จักกันมานาน ไซบีเรียน ฮัสกี้ จึงไม่เหมาะสมกับการเลี้ยงไว้เพื่อเฝ้าบ้าน แม้ว่าลักษณะภายนอกจะดูสง่างาม น่าเกรงขาม น่ากลัว แต่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นสุนัขใจดี ขี้เล่นเป็นที่สุดสัญชาตญาณนักล่า: สัญชาตญาณจับสัตว์อื่นเป็นอาหารในสุนัขสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้นั้นมีมาก พวกมันมีความรวดเร็ว และฉลาดแกมโกงในเกมการล่าอย่างมาก ดังนั้นจึงต้องมีความระมัดระวังสัตว์เล็กๆ ที่อยู่ในบ้านและรอบบ้าน เช่น กระรอก กระต่าย นก หนูตะเภา และน้องแมว ซึ่งอาจจะตกเป็นเหยื่อให้กับสัญชาตญาณการล่าของพวกมัน
การกระโดด โลดเต้น: ไซบีเรียน ฮัสกี้ โดยเฉพาะอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป มักจะชอบกระโดดโลดเต้น ควบวิ่ง โถมใส่ มันเป้นสุนัขที่มีพลังเหลือเฟือ ชอบเล่นแรงๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคำนวณพลังของตัวเองไม่ถูก ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ไม่ว่าจะเป็นกับข้าวของต่างๆ ภายในบ้าน รวมถึงคนที่อยู่ในบ้านด้วย ดังนั้นหากมีเด็กเล็กๆ หรือคนแก่อยู่ภายในบ้าน ก็คงระวังเป็นอย่างยิ่ง
ความดื้อรั้น: ไซ บีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีความคิดเป็นอิสระ และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง พวกมันมีความดื้อรั้นพอสมควร และมีสัญชาตญาณของการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ทั้งยังต้องการจะประกาศตัวเองเป็นจ่าฝูง ดังนั้นหากต้องการจะฝึกสุนัขพันธุ์นี้ให้ทำตามคำสั่งแล้วละก็ จะต้องแสดงให้พวกมันรู้และยอมรับว่าเราเป็นจ่าฝูงของพวกมัน และสิ่งที่เราสั่งให้มันทำเป็นสิ่งที่พวกมันต้องทำจริง
 อ้างอิงhttps://sites.google.com/a/moemay.com/www/dogs/khxmul-sunakh-phanthu-tang/siberian-husky/charecter